บริการให้ความรู้ด้านสุขภาพจิต
เป็นที่ทราบกันดีกว่าการมีความรู้ความสามารถและทักษะในการดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือใจย่อมช่วยลดความรุนแรงและแนวโน้มการก่อตัวเป็นโรคได้ดีกว่าการหาทางแก้ไขในภายหลัง
คงจะดีไม่น้อยหากองค์กรหันมาให้ความรู้ด้านสุขภาพจิตแก่พนักงาน เพื่อส่งเสริมให้มีความสามารถในการจัดการความไม่สบายใจอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาสุขภาวะทางใจให้แข็งแรงมั่นคงอยู่เสมอ ซึ่งจะลดความเสียหายและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นไม่น้อยทีเดียว
Psychoeducation
Service
Pillar II : Preventive Care
รู้หรือไม่ ?
การลงทุนเพื่อส่งเสริมด้านสุขภาพจิตในองค์กรให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่าที่คุณอาจเคยรู้
ได้ ROI ถึง 6 เท่า
ลงทุนให้ความรู้ด้านสุขภาพจิต
source: UK Deloitte Mental Health Report 2022
เกี่ยวกับบริการให้ความรู้ด้านสุขภาพจิต
การให้ความรู้และฝึกฝนทักษะการดูแลสุขภาพจิตแก่พนักงานถือเป็น 'การเตรียมความพร้อมและการบริหารทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์' ให้สามารถจัดการสิ่งที่รบกวนใจให้ตนเองมีสภาพพร้อมต่อการทำงานอยู่เสมอ
-
ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
-
รักษาบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
-
คงการลื่นไหลของกระบวนการทำงานระหว่างบุคคลและระหว่างทีมให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพและผลิตผลรวมของหน่วยงาน
นอกจากนี้ การเตรียมความพร้อมให้กับ ’กลุ่มหัวหน้างานและผู้นำ’ นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางเชิงรุกสำหรับการดูแลพนักงานอย่างทั่วถึง ทำให้สามารถสังเกตเห็นและรับมือกับสมาชิกทีมที่เริ่มมีปัญหาทางใจได้อย่างทันท่วงทีก่อนปัญหาลุกลาม ซึ่งช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นทั้งระดับบุคคล ทีม และองค์กรได้เป็นอย่างดี
เป็นการดูแลทีมเบื้องต้นก่อนส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยเหลือต่อไปในกรณีที่จำเป็น
ทุกกิจกรรมได้รับการดูแลและจัดโดยนักจิตวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตและมากด้วยประสบการณ์การให้บริการแก่ลูกค้าองค์กร
ให้บริการทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
เหมาะสำหรับ
องค์กรทุกขนาด ทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ที่ต้องการสร้างรากฐานด้านทรัพยากรมนุษย์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สามารถให้ความรู้และทักษะด้านสุขภาพจิตในหัวข้อต่าง ๆ ตามความต้องการ หรือตามปัญหาที่พบมากในองค์กรขณะนั้น
โดยพิจารณารูปแบบการให้ความรู้ หัวข้อ และช่องทางในการจัดให้เหมาะสมกับพนักงาน หากไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นอย่างไร ALRISE ยินดีให้คำแนะนำแก่องค์กรของท่านเพิ่มเติม
รูปแบบการให้ความรู้ —Instructional
การฝึกอบรม เวิร์กชอป บรรยาย
01
ให้ความรู้และฝึกฝนทักษะด้านสุขภาพจิตแก่บุคลากรที่มีค่าของคุณ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ การตระหนักในตนเองสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ตลอดจนเพิ่มทักษะการจัดการปัญหาทางความคิด อารมณ์ หรือพฤติกรรมที่มีสาเหตุจากจิตใจจนเริ่มส่งผลต่อการทำงานและชีวิตประจำวัน
สามารถจัดให้แก่พนักงานทุกระดับ ทุกตำแหน่งงาน ตลอดจนผู้นำในระดับต่าง ๆ ในหัวข้อและรูปแบบการจัดตามที่องค์กรต้องการ สามารถกำหนดปริมาณและความลึกของเนื้อหาตามธรรมชาติของผู้เรียนรู้
ความแตกต่างระหว่าง
การฝึกอบรม (training) และ เวิร์กชอป (workshop)
การฝึกอบรม (training) เป็นการให้ความรู้ที่เน้นการบรรยายเนื้อหาและหลักการตามหัวข้อที่ระบุ เน้นการสื่อสารทางเดียว
-
ข้อดี คือ ผู้เรียนได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์จำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น
เวิร์กชอป (workshop) เป็นการจัดรูปแบบการเรียนรู้ที่เน้นทำความเข้าใจหัวข้อที่เรียนผ่านเนื้อหาและกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ ที่เอื้อให้ผู้เรียนเชื่อมโยงประสบการณ์ตรงของตนเอง (experiential learning) เพื่อให้ได้แนวทางการนำไปประยุกต์ใช้หลังชั้นเรียนให้เกิดผลลัพธ์อย่างแท้จริง ออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ตาม '70:20:10 model' ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสากลถึงประสิทธิภาพที่มีต่อการเรียนรู้สำหรับผู้ใหญ่ (adult learning)
-
ข้อดี คือ ผู้เรียนเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและกำหนดสิ่งที่จะทำต่อไปในชีวิตจริงทันที
The 70:20:10 Model
รายชื่อหลักสูตร
หลักสูตรที่ 1 :
Workplace Mental Health Care 101
การดูแลสุขภาพจิตเบื้องต้นสำหรับพนักงาน
3 ชั่วโมง
หลักสูตรระดับเบื้องต้น สำหรับบุคลากรทุกระดับ ทุกกลุ่มงาน ทุกกลุ่มธุรกิจ
On-site | Online
เกี่ยวกับกับหลักสูตร
หลักสูตรยอดนิยมสำหรับองค์กรที่เริ่มจัดการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านสุขภาพจิตแก่พนักงาน โดยครอบคลุมทุกเนื้อหาในระดับเบื้องต้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสุขภาพจิตที่มีต่อคนวัยทำงาน เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและปลอดภัยในการดูแลสุขภาพใจตนเอง รวมถึงแหล่งช่วยเหลือทางจิตใจในกรณีที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญดูแล
วิทยากร
ดร.สุธาสินี เชาวน์เลิศเสรี
ประสบการณ์ในสายงาน HRD มากกว่า 17 ปี
ในบริษัทฝึกอบรม บริษัทที่ปรึกษา และองค์กรเอกชน
ประสบการณ์การทำงานในสายงานพัฒนาบุคลากร
ดร.สุธาสินี มีประสบการณ์การทำงานในด้านการพัฒนาบุคลากร (human resources development-HRD) ในหลากหลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จัดการฝึกอบรม ผู้ออกแบบหลักสูตรและโครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้แก่องค์กรในทุกภาคส่วน ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน องค์กรข้ามชาติ องค์กรไม่แสวงหากำไร รวมถึงสถาบันศึกษาของรัฐและเอกสารมากมาย ทั้งหลักสูตรระยะสั้น ระยะกลาง และโครงการขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรเข้าร่วมหลายร้อยท่านจำนวนนับร้อยหลักสูตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทการนำการสอนในรูปแบบทั้งวิทยากร (trainer) และกระบวนกร (facilitator) ที่มีกลุ่มผู้เรียนรู้ที่แตกต่างหลากหลาย ทั้งในแง่ของอายุ เชื้อชาติ ระดับการศึกษา สายงาน และประเภทองค์กร ซึ่งได้ประยุกต์ใช้หลักการการออกแบบการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพที่หลากหลายที่มาจากไทยและเทศ
ซึ่งผลงานที่ผ่านมาได้รับการประเมินและคำชื่นชมจากผู้เรียนรู้และลูกค้ามากมายตั้งแต่ครั้งทำงานในสายงาน HRD ต่อเนื่องมาจนถึงในปัจจุบันที่ได้ผันมาทำในสายสุขภาพจิตและการพัฒนาตนเองเต็มตัว ตลอดจนได้รับความไว้วางใจในการใช้บริการอย่างต่อเนื่องในหลายราย จึงเป็นผลงานเชิงประจักษ์ถึงความเชี่ยวชาญในการส่งเสริมการเรียนรู้ของบุคลากรในองค์กรรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างแท้จริง ดูรีวิวจากผู้รับบริการของ ALRISE
เพิ่มประสิทธิภาพและการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณด้วยการสื่อสารผ่าน 'วิดีโอ' และ 'อินโฟกราฟฟิก' ของเรา ที่แปลงความรู้เชิงจิตวิทยาที่หลายคนอาจเข้าใจยากจากหลักการเชิงนามธรรม ให้เป็นรูปภาพที่จับต้องได้ มีสีสันสวยงาม เข้าใจง่าย ประหยัดเวลาการอ่าน และเพิ่มการจดจำที่แม่นยำมากกว่าการอ่านเพียงอย่างเดียว
ออกแบบได้ตามความต้องการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นขนาดภาพ ปริมาณเนื้อหา การจัดวาง สีสัน และระดับความทางการของภาษา
-
เลือกขนาดภาพ โทนสีสันได้
-
เลือกโทนการเขียนได้ (ทางการ-เป็นกันเอง)
-
กำหนดจำนวนภาพได้
02
รูปแบบการให้ความรู้ —Media-based
วิดีโอ อินโฟกราฟิก
03
รูปแบบการให้ความรู้ —Textual
บทความ
บริการนี้ช่วยให้ความตั้งใจในการสื่อสารในหัวข้อจิตวิทยาเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ประหยัดเวลาและพลังงานที่ต้องเริ่มต้นทุกอย่างด้วยตนเอง ทุกบทความเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญ จึงมั่นใจได้ในคุณภาพที่มาพร้อมกับแหล่งอ้างอิงที่ถูกต้องตามหลักวิชาการสากลตามหลัก EBP (evidence-based practice)
สำหรับสื่อสารภายในหน่วยงาน หรือเผยแพร่ในที่สาธารณะเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิต การพัฒนาตนเอง หรือจิตวิทยาทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้อ่านของคุณ เรายินดีร้อยเรียงความรู้เชิงจิตวิทยาในหัวข้อที่สนใจ สามารถกำหนดความยาวของเนื้อหาและระดับทางการของงานเขียนได้ตั้งแต่เชิงวิชาการจนถึงแนวที่เข้าใจง่ายเพื่อการใช้ในชีวิตประจำวัน ในทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
เริ่มต้นที่ 500 คำ